ควรใส่หน้ากากไหม? ควรใส่อะไรดี?
ควรใส่หน้ากากไหม? ควรใส่อะไรดี?
วันนี้จะพูดถึงหน้ากากที่ทุกคนพูดถึงกัน ได้แก่ Surgical mask หรือหน้ากากอนามัยสีเขียว และ N95 ![]() หน้ากากไล่ตามความสามารถการกรองจากน้อยไปมากได้ดังนี้ หน้ากากอนามัย < N95 < N99 < N100 และมีตัวที่ดีกว่า มักใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่มักมีไอระเหยของสารพวกน้ำมัน ได้แก่ R95 R99 R100 และตัวที่กันพวกน้ำมันได้เช่นกัน แต่ใช้ได้ระยะเวลานานกว่า ได้แก่ P95 P99 P100 ![]() ถามว่าตัวเลขเหล่านี้คืออะไร? เลข 95 คือร้อยละที่สามารถกันอนุภาคขนาด 0.3 ไมโครเมตร หรือไมครอน ได้ถึง 95% และพวก 99 100 คือที่กันได้ 99% และ 99.7% ตามลำดับ ถ้านึกไม่ออกว่า 0.3 ไมครอนมีขนาดเท่าไหร่ มาลองดูนี่กัน ขนาดเส้นผมคนเรามีความหนาประมาณ 60 ไมครอน ![]() เส้นผ่านศูนย์กลางของเซลล์เม็ดเลือดแดงมีขนาด 7 ไมครอน ![]() แบคทีเรียในลำไส้อย่าง E. coli ยาว 2 ไมครอน ![]() แบคทีเรียไมโครพลาสมาที่ทำให้ปอดอักเสบ มีขนาด 0.3 ครอน เท่ากับที่ N95 กรองได้ 95% ![]() ไวรัสไข้หวัดใหญ่มีขนาด 0.17 ไมครอน ![]() โคโรน่าไวรัสมีขนาดประมาณ 0.1 ไมครอน ![]() แต่จะบอกว่าไม่เกี่ยวกับขนาดของไวรัสที่หน้ากากเรากันได้หรือไม่ได้ เพราะการแพร่ของโคโรน่าไวรัสไม่ได้เกิดจากการที่ไวรัสลอยเท้งเต้งกลางอากาศแล้วเข้ารูจมูกเราลงไปที่ปอด แต่เกิดจากละอองฝอย (droplet transmission) ที่มีอนุภาคไวรัสอยู่เป็นจำนวนมาก ละอองฝอยโดยทั่วไปมีขนาดมากกว่า 5 ไมโครเมตร หน้ากากตั้งแต่ N95 เป็นต้นไปกันได้สบายๆ อย่างไรก็ตามหน้ากากก็ไม่สามารถกันมือของเราที่ไปปนเปื้อนเชื้อไวรัสตามลูกบิดประตู ก๊อกน้ำ ช้อนส้อมที่มีสารคัดหลั่งน้ำมูกน้ำลายของผู้ป่วย มาจับหน้า ป้ายตา หรือกัดเล็บได้ (contact transmission) เพราะฉะนั้นการล้างมือถูสบู่หรือใช้แอลกอฮอล์เจลนั้นสำคัญมาก วัณโรคเองถึงแพร่ทางอากาศ(Airborne transmission) N95 ก็สามารถกันได้ เพราะอนุภาคของวัณโรคที่ปนมากับน้ำแล้วลอยในอากาศถึงแม้จะเล็กกว่า 5 ไมครอน ก็ยังใหญ่กว่ารูกรองที่ 0.3 ไมครอนอยู่ดี เรารู้แน่ๆล่ะว่า N95 เป็นต้นไป (N99, N100,R95,R99,R100,P95,P99,P100) นั้นกันโคโรน่าไวรัสได้แน่ๆถ้าใส่ถูก การใส่หน้ากากนี้ต้องเรียนรู้วิธีใส่และการทำ fit test เพื่อพิสูจน์ว่าใส่ถูกจริงๆ นอกจากนี้หน้ากากนี้หลังใช้ซัก 2-3 ชั่วโมง ก็ไม่น่าไหวแล้วเพราะหายใจไม่ออก ผู้เชี่ยวชาญเลยไม่ค่อยแนะนำให้ใช้ แล้วหน้ากากอนามัย หรือทางการแพทย์เรียกกันว่า Surgical mask (หน้ากากหมอผ่าตัด) นั้นกันได้ไหม? ถ้าเราเจอคนไอต่อหน้าเรา ขณะที่เราสวมหน้ากากอยู่นั้นแทบไม่มีความหมาย หน้ากากอนามัยกันอนุภาคขนาดเล็กกว่า 5 ไมครอนไม่ได้เลย เพราะอนุภาคเล็กขนาดนี้สามารถเคลื่อนที่ด้วยการเคลื่อนที่แบบบราวน์ หรือการเคลื่อนที่แบบสุ่มในอากาศได้ และสามารถเข้าตามด้านข้างของหน้ากากได้สบายๆ และด้วยขนาดที่เล็กขนาดนั้นก็สามารถทะลุผ่านแผ่นกรองได้เช่นกัน ![]() อย่างไรก็ตามอนุภาคที่มีขนาดมากกว่า 5 ไมครอนที่คาดว่าอาจเป็นส่วนหนึ่งในการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่และโคโรน่าไวรัสนั้นสามารถช่วยได้ในระเวลาสั้นๆ เพราะตัวกรองจะเริ่มชื้นหลังใส่ไปไม่กี่นาทีทำให้ละอองฝอยต่างๆซึมผ่านได้ สิ่งที่ช่วยได้อีกอย่างคือ ใส่ไว้กันเอามือเราป้ายจมูกป้ายปาก กันเชื้อจากมือเข้าร่างกายได้อีกแรง นอกจากนี้การใส่หน้ากากอนามัยกันเยอะๆ ทางจิตวิทยายังช่วยให้ผู้ที่ป่วยจริงๆเห็นว่าขนาดคนไม่ป่วยยังใส่กัน เราต้องหามาใส่บ้างแล้วเพื่อไม่ให้คนอื่นป่วย ถ้าถามว่าควรใส่ตอนไหน ก็ตอนที่เจอคนเยอะๆ ในห้างสรรพสินค้า โรงหนัง ในรถไฟฟ้า รถทัวร์ ที่ปิด อากาศไม่ถ่ายเทล่ะกันครับ ก็น่าจะช่วยได้บ้าง และหลังจากใช้เสร็จให้ล้างมือถูสบู่ก่อนถอด ถอดให้ด้านนอกไม่สัมผัสตัวเราแล้วทิ้งลงถังขยะ และล้างมือถูสบู่อีกครั้งหลังถอดนะครับ ถึงแม้หลายที่ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยไม่ได้แนะนำให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัยมากนักเพราะประสิทธิภาพต่ำ แต่ผมก็เป็นอีกคนที่ยังจะใส่ในช่วงนี้ด้วยเหตุผลข้างต้น และใช้ N95 ด้วยในวันที่ฝุ่นเยอะ (ได้ประโยชน์สองต่อ) ![]() YOUTUBE.COM
Can masks protect against the new coronavirus infection?
Wearing a medical mask can help limit the spread of some respiratory diseases. However, using a mask alone is not guaranteed to stop infections. Their use sh...
ส่วนที่กระทรวงสธ.ของเราบอกว่าหน้ากากผ้าใช้ป้องกันไม่ต่างจากหน้ากากอนามัยสำหรับคนที่ไม่ป่วย ก็ด้วยเหตุผลเดียวกันกับหน้ากากอนามัยแต่ประสิทธิภาพแย่กว่าอีกเพราะไม่กันน้ำไม่เหมาะกับผู้ป่วย สำหรับคนป่วยให้ใช้หน้ากากอนามัยดีกว่าหน้ากากผ้าเพราะมีตัวกันน้ำด้วย น้ำมูกน้ำลายจะได้ไม่ซึมทะลุหน้ากากออกมามากนัก จริงๆแล้วหน้ากากอนามัยมีบทบาทจริงๆกับคนที่ป่วย ไอและจาม จะเห็นได้จากรูป ![]() ![]() จะเห็นว่าเมื่อใส่หน้ากากละอองฝอยใหญ่ๆจะถูกดักไว้ไม่ให้แตกตัวเป็นละอองเล็กๆ และยังกันการสัมผัสน้ำมูกและสารคัดหลั่งไม่ให้ปนเปื้อนสิ่งของอีกด้วย ถ้าคนไหนป่วยเป็นหวัดเล็กน้อยไม่มีความเสี่ยงสัมผัสโรคโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เช่น ไปประเทศจีน หรือเป็นคนขับรถโดยสาร อยู่บ้านดีที่สุด หรือถ้ามีความเสี่ยงติดโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ก็ควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล การรักษาโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ตอนนี้มีแค่การรักษาตามอาการ การรักษาด้วยยาต้านไวรัสทั้งหลายแหล่เป็นเพียงการทดลอง โดยเฉพาะมักทดลองกับผู้ป่วยหนักเสียมากกว่า เพราะโรคไม่รุนแรงมาก หายเองได้ อย่างไรทุกที่เน้นย้ำตรงกันว่า การล้างมือถูสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลบ่อยๆ พยายามไม่เอามือสัมผัสหน้าตา และถ้าไอจามให้ใส่หน้ากากอนามัยนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุด |