เกรียตา ทุนแบร์ย

เกรียตา ทุนแบร์ย นักกิจกรรมหญิงวัย 16 ปี ตำหนิผู้นำโลกในที่ประชุมยูเอ็น ไม่ใส่ใจแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศโลก

เกรียตา ทุนแบร์ย นักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมชาวสวีเดน ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ที่นครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ตำหนิผู้นำนานาชาติว่า ทรยศต่อคนรุ่นเยาว์ด้วยการนิ่งเฉยต่อปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังคุกคามโลก

การประชุมพิเศษนี้มีชื่อว่า Climate Action โดยการเปิดการประชุมครั้งนี้มีขึ้นโดยไร้เงาผู้นำสำคัญของโลกหลายคน เช่น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ รวมทั้งผู้นำบราซิล และซาอุดีอาระเบีย

 

"นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ฉันไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ ฉันควรกลับไปเรียนหนังสือที่อีกฟากของมหาสมุทร" นักรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมชาวสวีเดน วัย 16 ปี ซึ่งพักการเรียนเพื่อมาเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมเป็นเวลา 1 ปี กล่าวต่อบรรดานักการเมืองและผู้นำโลกด้วยท่าทีเดือดดาล

"พวกคุณมาฝากความหวังไว้กับคนหนุ่มสาว พวกคุณกล้าดียังไง"

"พวกคุณขโมยความฝันและวัยเด็กของฉันไปด้วยคำพูดที่เลื่อนลอย แต่ฉันก็ยังถือว่าโชคดี...ผู้คนกำลังเผชิญความทุกข์ยาก ผู้คนกำลังล้มตาย ระบบนิเวศกำลังล่มสลาย"

"พวกเรากำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ แต่สิ่งที่พวกคุณเอาแต่พูดถึงก็คือเรื่องเงินทองและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่สิ้นสุด กล้าดียังไง!"

 

ในตอนหนึ่ง สาวน้อยเกรียตา กล่าวว่า ในการพูดคุยกับบรรดาผู้นำทั้งหลาย ผู้ใหญ่มักพูดว่าได้ยินและเข้าใจในสิ่งที่เยาวชนบอก

"แต่ไม่ว่าฉันจะเศร้าและโมโหเพียงใด ฉันไม่อยากจะเชื่อคำพูดเหล่านั้น เพราะหากพวกคุณเข้าใจถึงสถานการณ์จริง แล้วยังคงไม่ยอมทำอะไร ก็หมายความว่าพวกคุณเป็นคนไม่ดี และฉันจะไม่ยอมเชื่อ"

นอกจากนี้ เกรียตา ยังกล่าวถึงเป้าหมายที่นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กำหนดไว้ในการประชุมครั้งนี้โดยขอให้ประเทศต่าง ๆ ขยายคำมั่นที่จะแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยว่า

"คงจะไม่มีการแก้ปัญหาหรือแผนการใด ๆ มาเสนอให้สอดคล้องกับตัวเลขที่นำเสนอในวันนี้ เพราะตัวเลขเหล่านี้มันน่าอึดอัดใจเกินไป และพวกคุณก็ไม่เป็นผู้ใหญ่พอที่จะพูดมันไปตามความเป็นจริง"

เกรียตา ยังได้ตำหนิผู้นำโลกที่เพิกเฉยและล้มเหลวในการหยุดยั้งปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

"พวกคุณทำให้เราผิดหวัง...แต่คนหนุ่มสาวเริ่มจะเข้าใจการทรยศของพวกคุณ...สายตาของคนรุ่นใหม่ทุกดวงจะจับจ้องไปที่พวกคุณ และหากพวกคุณเลือกที่จะไม่ทำตามสิ่งที่พวกเราคาดหวังอีก ฉันบอกได้เลยว่า พวกเราไม่มีวันจะให้อภัยพวกคุณ!"

ในการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกในวันที่ 23 ก.ย. ผู้นำหลายชาติประกาศแผนการช่วงบรรเทาสาเหตุที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น หรือแผนการร่วมมือกันของหลายประเทศในการจัดการกับปัญหานี้ โดยผู้นำจากจีน อินเดีย ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหราชอาณาจักร กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม แต่ผู้นำญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ไม่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากสนับสนุนการใช้ถ่านหิน

ก่อนหน้าที่ผู้นำโลกจะหารือกันในการประชุมครั้งนี้ ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เผยให้เห็นถึง สัญญาณและผลกระทบของโลกร้อนกำลังเร่งตัวขึ้น

ข้อมูลที่รวบรวมโดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization--WMO) ระบุว่า ช่วงเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2014-2019 เป็นช่วงเวลาที่โลกร้อนที่สุดเท่าที่เคยบันทึกสถิติ โดยพบว่า

1.อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 1.1 องศาเซลเซียสตั้งแต่ปี 1850 แต่ในช่วงระหว่างปี 2011-2015 เพิ่มขึ้น 0.2 องศาเซลเซียส

2.การปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศระหว่างปี 2015-2019 เพิ่มขึ้น 20% เทียบกับช่วง 5 ปีก่อนหน้านั้น

3.ระดับน้ำทะเลตั้งแต่ปี 1993 จนถึงปัจจุบัน เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.2 มิลลิเมตรต่อปี แต่ในช่วงเดือน พ.ค. 2014-2019 เพิ่มขึ้น 5 มิลลิเมตรต่อปี ส่วนช่วง 10 ปี ตั้งแต่ปี 2001-2016 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4 มิลลิเมตรต่อปี

 

เพตเตรี ทาอาเลส เลขาธิการ WMO ระบุว่า ในการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับระดับในช่วงก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม จำเป็นต้องเพิ่มความพยายามเป็น 3 เท่า และหากต้องการจำกัดไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ต้องเพิ่มความพยายามเป็น 5 เท่าจากปัจจุบัน

 

 

ที่มา : https://www.bbc.com/thai/international-49797769

 

 

Visitors: 1,545,266