เส้นทางมิจฉาชีพ รู้เท่าทันสแกมเมอร์ก่อนตกเป็นเหยื่อ!

เส้นทางมิจฉาชีพ รู้เท่าทันสแกมเมอร์ก่อนตกเป็นเหยื่อ!

 

“น้ำตาซึม! ลุง 74 ถูกแก๊งคอลฯหลอกโอน 3.2 ล้าน”
“แม่ค้าโวย ถูกมิจฉาชีพตั้งโอนเงินล่วงหน้า ก่อนกดยกเลิก”
“ยาย 82 ถูกแก๊งคอลฯ หลอกโอนเงินเกลี้ยง”
“ยาย 78 สูญเงินเกือบ 3 ล้าน โอนเงินให้มิจฉาชีพอ้างเป็นทหาร”

ช่วงนี้เราจะพบข่าวและบทความเตือนเรื่องการเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์อยู่เป็นประจำทุกวัน และหนึ่งในนั้นอาจจะเป็นคนใกล้ตัวของพวกเราทุกคน ที่แม้แต่เราเองที่ทำงานทางด้าน IT ยังป้องกันครอบครัวให้ถูกหลอกได้ยาก

เนื้อหาในวันนี้ทีมงาน Designil (ดีไซน์นิว) จะรวบรวมประเภทของสแกมเมอร์ที่มีการหลอกลวงในรูปแบบต่าง ๆ ที่เรามักพบบ่อย ตั้งแต่การหลอกให้ชำระค่าภาษี ไปจนถึงการหลอกให้โอนเงินที่มีจำนวนเงินตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลายล้านบาทด้วยวิธีการหลอกล่อเหยื่อหลายรูปแบบ ซึ่งเราอยากให้ทุกคนรู้เท่าทันการหลอกล่อและระมัดระวังตัวก่อนจะตกเป็นผู้ประสบภัย ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลยนะคะ

 

สแกม (Scam) คืออะไร?

 

สแกม คือ

การกระทำที่เกิดขึ้นโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ใช้กลวิธีหรือเทคนิคต่าง ๆ เพื่อหลอกลวงผู้อื่น ทำให้ผู้เสียหายส่งมอบข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงิน และจะนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการหลอกเอาเงินจากเรา

 

สิ่งที่ไม่เรียกว่าสแกม

– การแฮ็กคอมพิวเตอร์, อุปกรณ์หรือบัญชีของคุณเพื่อขโมยข้อมูลส่วนบุคคล
– การซื้อสิ่งของออนไลน์ แต่สิ่งที่รับคือของไม่ตรงปกหรือคุณภาพต่ำ
– การจ่ายเงินไปจำนวนมาก โดยมีมูลค่ามากกว่าสิ่งของที่ได้รับ

 

scammer image
ภาพ scammer ตัวอย่างจาก Dall-e

 

สแกมเมอร์ (Scammer) คืออะไร?

มิจฉาชีพที่หาเงินโดยใช้วิธีการที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยการหลอกลวงคนอื่น

เช่น การฟิชชิ่ง (Phishing) เป็นวิธีการที่สแกมเมอร์ใช้ในการหลอกลวงเอาข้อมูลของผู้อื่น เพื่อเข้าถึงข้อมูลบัญชีธนาคาร, ข้อมูลสำคัญส่วนบุคคล, ข้อมูลการรักษาพยาบาล, บัตรประชาชน, พาสปอร์ต, เลขรหัสบัตรเครดิต, และอื่น ๆ เพื่อนำไปใช้ในการโอนเงินออกจากบัญชี

 

ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนการโอนเงิน

รู้หรือไม่ว่าผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการสแกม มักจะไม่ได้ตกเป็นเหยื่อแค่ครั้งเดียว ผู้เสียหาย 1 ใน 3 คนจะถูกหลอกเอาเงินมากกว่าหนึ่งครั้ง ดังนั้นหากสแกมเมอร์ได้ข้อมูลการเงิน บัญชี หรือรู้ว่าคุณมีเงินจำนวนเท่าไรแล้ว มันจะกลับมาเพื่อหลอกลวงอีกครั้ง ยกเว้นแต่คุณจะหาทางติดต่อบุคคลที่ถูกต้องเพื่อช่วยให้เงินกลับคืนมา

จุดสังเกตสแกมเมอร์ (Scammer)

จับไต๋มิจฉาชีพ มีจุดสังเกตอะไรบ้างที่เราต้องดูให้ดี ๆ ก่อนถูกหลอก

เป็นส่วนที่คนทั่วไปมักผิดพลาดได้ง่าย เนื่องจากขาดความรู้ในด้านนี้ เราจึงมีข้อสังเกตง่าย ๆ มาฝากทุกคน

  • ตรวจสอบใบรับรอง SSL
    เว็บไซต์ที่ถูกต้องส่วนใหญ่จะมีใบรับรอง SSL ซึ่งแสดงไอคอนรูปกุญแจสีเขียวในแถบที่อยู่ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์มีใบรับรอง SSL ที่ถูกต้อง
  • ตรวจสอบข้อมูลติดต่อ 
    เว็บไซต์ปลอมมักไม่มีข้อมูลติดต่อที่ถูกต้องหรือครบถ้วน ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีที่อยู่ อีเมล และหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่
  • ตรวจสอบความคิดเห็นของลูกค้า และความถูกต้องของเนื้อหา
    เว็บไซต์ปลอมมักไม่มีความคิดเห็นของลูกค้าหรือมีแต่ความคิดเห็นเชิงบวกที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ ตรวจสอบความคิดเห็นจากแหล่งอื่น ๆ รวมถึงตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา การใช้ภาษา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของสแกมเมอร์ที่ทำให้เราจับสังเกตได้

 


3 วิธีรับมือกับสแกมเมอร์

1. อย่าให้เงิน หรือเปิดเผยข้อมูลทางการเงินกับใครโดยง่าย – ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม โดยส่วนใหญ่สแกมเมอร์มักจะชอบปลอมตัวเป็นคนที่เราเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร, แบรนด์สินค้า, ทหาร, ตำรวจ, องค์กร DSI, องค์กรทางการเงิน หรือแม้แต่ปลอมตัวเป็นญาติเราเอง

2. คิดทุกครั้ง – ถามตัวเองว่าข้อความนี้เป็นข้อความหลอกลวง หรือลิงก์ปลอมหรือเปล่า เช่นข้อความจากหน่วยงานราชการจะส่งข้อความแบบนี้มาหาเราทำไม ข้อความจาก Elon musk เขาจะติดต่อหาเราง่าย ๆ ได้อย่างไรในเมื่อคนบนโลกมีเป็นสิบล้าน
ตรวจสอบข้อมูลผ่านทางช่องทางที่น่าเชื่อถือของรัฐทุกครั้งก่อนจะกดลิงก์หรือติดตั้งอะไรลงในโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ถ้าไม่มั่นใจให้วางสาย, กดลบข้อความ, ถอดแบตเตอรี, และปิดอินเทอร์เน็ตทันที

3. ปกป้องตัวเอง – ตั้งตัวกลับมาให้ไว เมื่อพบว่าเราถูกหลอกโดยสแกมเมอร์ รีบติดต่อธนาคารผู้ให้บริการของเราอย่างรวดเร็ว เพื่อรับความช่วยเหลือ


6 ช่องทางที่สแกมเมอร์ใช้เพื่อเข้าถึงเรา

 

1. ผ่านทางข้อความ หรือ SMS

ข้อความหรือ SMS เป็นวิธีการหลอกลวงที่ถูกรายงานมากที่สุดในปีที่ผ่านมา ข้อความหลอกลวงมักจะทำให้รู้สึกกดดัน รีบเร่ง เพื่อให้เรารีบดำเนินการ สแกมเมอร์มักจะแนบลิงก์ที่นำทางไปยังเว็บไซต์หลอกลวง เพื่อให้เรากรอกข้อมูลส่วนบุคคลลงในเว็บไซต์เหล่านั้น จะได้ขโมยหรือปลอมแปลงตัวตนในการโอนเงินของเราออกไปจากบัญชีหรือกระทำการฉ้อโกงในชื่อของเราได้

เพื่อให้ข้อความเหล่านี้ดูสมจริง สแกมเมอร​์จะปลอมแปลงหมายเลขโทรศัพท์และรหัส OTP (One-time Password) คนที่คุณรู้จักหรือองค์กรที่น่าเชื่อถือ ซึ่งข้อความหลอกลวงอาจปรากฏในสายข้อความเดียวกันกับข้อความจริงจากองค์กรก็เป็นไปได้ ทำให้ยากต่อการตรวจสอบมากขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าพยายามปลอมแปลงกันแบบเนียนกริบเลยจริง ๆ หากเราไม่สังเกตดี ๆ ก็อาจตกเป็นเหยื่อได้อย่างง่ายดาย

ตัวอย่างข้อความปลอมแปลงที่ส่งมาในสายข้อความของแอปฯ Telegram ตัวจริง
ตัวอย่างข้อความปลอมแปลงที่ส่งมาในสายข้อความของแอปฯ Telegram ตัวจริง
 

2. ทางสายโทรเข้าจากโทรศัพท์มือถือ

1 ใน 3 ของการโดนล่อลวงโดยมิจฉาชีพ ซึ่งถูกรายงานเข้ามามากที่สุด เกิดขึ้นจากการติดต่อทางโทรศัพท์ สแกมเมอร์จะโทรเข้ามาโดยอ้างว่ามาจากองค์กรที่มีชื่อเสียง เช่น ตำรวจ, DSI, สรรพากร รวมถึงองค์กรรัฐบาล หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย บริษัทการลงทุนและกฎหมาย ธนาคาร ผู้ให้บริการโทรคมนาคม หรือผู้ให้บริการอื่น ๆ

บุคคลเหล่านี้จะกล่าวหาด้วยประเด็นเร่งด่วน เพื่อกดดันให้คุณรีบดำเนินการในทันที และพยายามโน้มน้าวคุณให้มอบข้อมูลส่วนตัวหรือรายละเอียดบัญชีธนาคาร หรือพยายามให้คุณติดตั้งแอปพลิเคชันลงในโทรศัพท์ โน้มน้าวให้กดลิงก์หรือให้สิทธิ์เข้าถึงคอมพิวเตอร์ของคุณจากระยะไกล โดยผู้โทรอาจมีรายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับคุณอยู่แล้ว เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เลขบัตรประชาชน หรือข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ที่อาจจะเป็นข้อมูลที่เคยหลุดไปก่อนหน้านี้

 

ตัวอย่างสายเรียกเข้าจากมิจฉาชีพ
ตัวอย่างสายเรียกเข้าจากมิจฉาชีพ
การใช้แอปฯ ช่วยคัดกรองผู้ติดต่อก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราไม่ตกหลุมพรางของมิจฉาชีพ
 

3. ทางอีเมล

สแกมเมอร์ส่วนใหญ่จะส่งอีเมลที่อ้างว่าเป็นเรื่อง “ด่วน” โดยแกล้งทำเป็นว่ามาจากรัฐบาล หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย หรือองค์กรทางธุรกิจต่าง ๆ

ลักษณะคือจะปลอมแปลงอีเมล เอกสารโดยใช้โลโก้เดียวกันและที่อยู่อีเมลที่คล้ายคลึงกับขององค์กรจริง นอกจากนี้ยังสามารถคัดลอกหรือ “ปลอม” ที่อยู่อีเมลขององค์กรหรือธุรกิจเพื่อทำให้อีเมลหลอกลวงดูเหมือนจริงยิ่งขึ้น

 

4. ทางโซเชียลมีเดีย (Social Media) ช่องทางต่างๆ

แกมเมอร์จะสร้างโปรไฟล์ปลอมบนโซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มส่งข้อความ และแอปฯ ต่าง ๆ โดยจะแกล้งทำเป็นว่ามาจากรัฐบาล องค์กรธุรกิจจริง นายจ้าง บริษัทลงทุน หรือแม้แต่เพื่อน สมาชิกครอบครัว หรือคนรัก

ตัวอย่างเช่น:

  • ใช้โลโก้เดียวกันกับองค์กรจริงหรือรูปภาพของบุคคลที่พวกเขาแกล้งเป็น เพื่อทำให้การหลอกลวงแนบเนียนสมจริงและยากต่อการตรวจจับ
  • แอบอ้างเป็นคนดังเพื่อ ‘แนะนำ' สินค้าหรือบริการ
  • สร้างตัวตนปลอมเพื่อเป็นเพื่อนกับคุณ หรือพยายามเกี้ยวพาเอาชนะใจคุณ เพื่อนำไปสู่การล่อลวงเอาทรัพย์สิน

สแกมเมอร์ยังสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับคุณจากเรื่องราวที่คุณแชร์บนโซเชียลมีเดียของคุณได้ด้วย พวกเขาจะสร้างแบบทดสอบหรือเกมง่าย ๆ มาให้คุณเล่นเพื่อหลอกขอสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลของคุณบนโลกโซเชียล อาทิ ชื่อ นามสกุล เบอร์โทร. อีเมล รูปถ่าย คลิปวิดีโอ และรายชื่อผู้ติดต่อหรือเพื่อนของคุณบนโซเชียลมีเดีย หรือสร้างโพสต์ที่ออกแบบมาเพื่อหลอกให้คุณแชร์ข้อมูลส่วนตัว มิจฉาชีพจะใช้ข้อมูลนี้เพื่อเดารหัสผ่านบัญชีของคุณ หรือนำข้อมูลจากทางโซเชียลมีเดียไปใช้หลอกลวงด้วยวิธีการอื่น ๆ อีกมากมาย

 

5. ทางเว็บไซต์

สแกมเมอร์จะสร้างเว็บไซต์ปลอม ๆ ให้ดูเหมือนแบรนด์สินค้าที่มีชื่อเสียงและเสนอโปรโมชันที่ดึงดูใจ หรือแอบอ้างเป็นคนดังที่มีชื่อเสียงมากแนะนำสินค้าหรือบริการต่าง ๆ โดยใช้รีวิวปลอมเพื่อทำให้คุณไว้วางใจ

นอกจากนี้ยังมีแบนเนอร์โฆษณา หน้าต่างป๊อปอัปแจ้งเตือน หรือข้อความแสดงข้อผิดพลาดปลอม ๆ ที่สามารถกดดันให้คุณกรอกข้อมูลส่วนตัวได้

รวมถึงยังมีการยิง ads หรือโฆษณาปลอมผ่านทางเว็บไซต์ Google หรือโซเชียลมีเดีย เพื่อหลอกล่อให้คุณมาลงทุน ซื้อสินค้าหรือบริการปลอม ๆ หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีส่วนบุคคลได้ด้วย

 

6. การหลอกลวงแบบเข้าถึงตัวบุคคล

สแกมเมอร์อาจจะมาเคาะประตูบ้านคุณหรือเข้าหาคุณในที่สาธารณะและขอให้คุณทำบางอย่าง

พวกเขาอาจจะ:

  • ขอให้ชำระเงินล่วงหน้าสำหรับสินค้าและบริการ
  • กดดันให้คุณทำแบบสำรวจกรอกข้อมูลเอกสารเพื่อรับข้อมูลส่วนตัวของคุณ
  • ขอรับบริจาคเพื่อ ‘การกุศล’
  • แสร้งว่าเป็นคนพิการ หรือไม่มีเงินกลับบ้านเพื่อขอเงิน

7 ประเภทหลักของสแกม

 

สแกมเมอร์จะหาเราจากโซเชียลมีเดีย แอปฯ หาคู่ เกม หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ มิจฉาชีพเหล่าจะใช้โพรไฟล์ปลอมหรือปลอมแปลงตัวตนของคนดังส่งข้อความหรืออีเมลมาให้คุณ ซึ่งมิจจี้พวกนี้เก่งมากในการทำให้คุณรู้สึกพิเศษ และเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นของจริง หลังจากนั้นก็จะแสร้งว่ากำลังลำบากต้องการใช้เงิน โดยจะให้เราโอนเงินส่งไปให้ก่อน


หากรู้ตัวว่าโดนหลอกแล้ว จะทำอย่างไร?

1. ยอมรับว่าตัวเองตกเป็นผู้เสียหาย และรีบติดต่อผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับเราทันที เพื่อขอรับความช่วยเหลือ

2. ติดต่อธนาคารตามเบอร์สายด่วนของแต่ละธนาคาร และติดต่อตำรวจไซเบอร์ที่เบอร์ 1441 เพื่อขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

อย่าเชื่อสแกมเมอร์ที่ปลอมตัวมาเป็นตำรวจและธนาคารที่โทรเข้ามาหาเราโดยเด็ดขาด ให้เลือกติดต่อช่องทางโดยตรงเท่านั้น โดยเราต้องเป็นผู้ติดต่อและแจ้งความด้วยตนเอง

ขั้นตอนการติดต่อธนาคารหากตกเป็นเหยื่อ


รีบตั้งสติถ้าตกเป็นเหยื่อ เตรียมตัวหาข้อมูลให้พร้อมเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ของเรากลับคืนมา ปัจจุบันมิจฉาชีพมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การหลอกลวงเริ่มมีความแนบเนียนกว่าที่เราคาดคิด ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเห็นคดีความเกี่ยวกับมิจฉาชีพเยอะมากขึ้น หวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกคนได้ระมัดระวังและเตรียมพร้อมตั้งรับมือกับมิจฉาชีพ สามารถป้องกัน แก้ไข และดูแลตัวเองได้

แล้วกลับมาเจอกันใหม่กับบทความดี ๆ จาก Designil (ดีไซน์นิว) นะคะ ^_^
นักเขียนนัทคนเดิม ติดตามกันเป็นประจำได้ทางเว็บไซต์เลยค่ะ ขอบคุณค่า


ขอบคุณข้อมูลจาก

 

ที่มา : https://www.designil.com/what-is-scams/

 

 

 

Visitors: 1,405,600