แม่ฟ้าหลวง กิจการเพื่อสังคมขั้นก้าวหน้า-การศึกษา บนความท้าทายใหม่
แม่ฟ้าหลวง กิจการเพื่อสังคมขั้นก้าวหน้า-การศึกษา บนความท้าทายใหม่
ม.ล.ดิศปนัดดา ดิศกุล อัพเดตกิจการเพื่อสังคมขั้นก้าวหน้า กับความท้าทายใหม่ ทำอย่างไรกับ 3 ภารกิจ ที่ต้องสร้างสมดุล ระหว่างกิจการที่เลี้ยงตัวเองได้-กลุ่มที่ต้องขาดทุน และ “กลุ่มเดอะแบก” ที่ต้องมีกำไร และไปหล่อเลี้ยงกิจการที่ “ขาดทุนคือกำไร” ภารกิจใหม่-ภารกิจใหญ่ ที่อยู่บนบ่าของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ หลังก้าวผ่านครึ่งศตวรรษ การก่อตั้ง เดินหน้าคู่ขนานโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในห้วงที่ก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่สี่ เป็นภารกิจที่เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์ กับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ที่ตั้งรับความมั่นคงด้านอาหาร และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ “แบรนด์ดอยตุง” กว่าจะเป็นธุรกิจจากดอยสูง-สู่พื้นราบ และกำลังจะก้าวสู่การเป็นพันธมิตรกับกิจการใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ จากรากฐานการศึกษา สู่ธุรกิจใหม่หัวใจการพัฒนาเพื่อสร้างรายได้อนาคต ที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงปักหมุดคือ “ภารกิจแห่งอนาคต ของดอยตุง เราต้องการสร้างทักษะการสื่อสารให้กับเยาวชนในพื้นที่ ได้เติมในสิ่งที่เขาขาด และเป็นทักษะที่เป็นที่ต้องการของสังคมยุคใหม่ นำไปสู่การพัฒนาสร้างรายได้ให้สูงกว่าที่เป็นอยู่…จะทำให้ได้มากกว่าให้คนอ่านออก เขียนได้”
ม.ล.ดิศปนัดดา เปิดการสนทนา หลังพาไปพบกับกลุ่มเยาวชนในโรงเรียนบ้านห้วยไร่สามัคคี ที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ สนับสนุนครูอัตราจ้าง คุณหญิงพวงร้อย ดิศกุล ณ อยุธยา กรรมการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ช่วยเสริมว่า โรงเรียนแบบมอนเตสซอรี่ ที่ห้วยไร่สามัคคี บนดอยตุง สอนทั้งเรื่องรูปธรรม-นามธรรม เน้น “การเรียนรู้” ให้เขาเรียน+รู้ มากกว่า “เรียนหนังสือท่องจำ” เป็นการศึกษาที่เปิดหน้าต่าง-ประตูให้เขามีโอกาสในสังคม ทำให้เขารู้จักตัวเอง มีความกล้าที่จะฝัน และทำตามความฝันของตัวเอง ให้เขาเรียนรู้ พอจบออกไปทำงานได้เลย ถ้าไม่เรียนต่อ “เราอยากให้คนดอยตุง นักเรียนที่มาจากหลายชนเผ่า ได้เป็นพลเมืองดี ที่มีความหมายมากกว่าคนดี เพราะถ้าแค่มีคนดีอาจผลักดันอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเราฝึกทักษะให้เขาเป็นพลเมืองดี รู้เข้าใจระบบสังคม การปกครอง ประชาธิปไตย พลเมืองดีจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้” คุณหญิงพวงร้อย สรุป ปรับตัว-พลิกแพลง เปลี่ยนแปลงคล่องตัวกิจการธุรกิจเพื่อสังคม ที่มีรากฐานจากการศึกษาในพื้นที่ ถูกเคลื่อนเข้าสู่การร่วมพัฒนา “แบรนด์ดอยตุง” ที่ร่วมกับชาวบ้านเกือบ 30 หมู่บ้าน หลากหลายชนเผ่า ทั้งการท่องเที่ยว คาเฟ่ อาหารแปรรูป หัตถกรรม และการเกษตร ม.ล.ดิศปนัดดา หรือคุณดุ๊ก เล่าว่า “กิจการเพื่อสังคมของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง เราเปลี่ยนแปลงไปมากยุคหลังโควิด-19 เราเจอความไม่แน่นอน “เราอยากให้ทุกธุรกิจของเรามีผลประกอบการเป็นบวก หรือกำไร เรามีธง มีดาวเหนือที่ชัดเจน หัวใจของการจัดการของเราตอนนี้คือ Agility-ต้องมีความคล่องตัวในการเปลี่ยนแปลง พลิกแพลงธุรกิจได้ไว แต่อยู่ภายใต้ข้อมูลที่แม่นยำ เน้นการฟังข้อมูลจากข้างล่าง ก่อนสั่งการจากข้างบน” คุณดุ๊ก เล่าถึงความตั้งใจที่จะผลักดันให้ธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise ก้าวหน้าให้ได้ด้วยหลายมิติ “เราคิดว่าธุรกิจเราทุกตัว อาจไม่จำเป็นต้องสร้างกำไรทุกยูนิต บางยูนิตเราต้องทำใจยอมรับให้ขาดทุนได้ แต่ต้องช่วยให้ชาวบ้านได้กำไร เขาอยู่ได้ แต่เราก็ต้องจัดการให้ชัดว่า อะไรที่เราจงใจขาดทุนได้ อะไรที่เลี้ยงตัวเองได้ กิจที่ต้องเป็น “เดอะแบก” ระดับซูเปอร์ เช่น กลุ่มอาหาร คาเฟ่ พวกนี้ต้องมีกำไร” ต่อยอดธุรกิจใหม่ ในดีมานด์ของโลกกิจการที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ลงมือทำมานาน จากฐานทรัพยากรที่ลงแรง-เป็นจุดแข็งที่สั่งสมประสบการณ์มาตั้งแต่ 30 กว่าปีก่อน คือการปลูกป่า-ปลูกคน และเก็บ “อากาศ-ดอกผลจากป่า” สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ คือ การขาย คาร์บอนเครดิต Carbon credits ให้กับพันธมิตรธุรกิจเอกชนยักษใหญ่ 20 แห่ง หรือโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน คุณดุ๊ก อัพเดตผลการทำงานว่า ตอนนี้ในแง่สเกลได้ระดับแล้ว เรามีพื้นที่ 192,646 ไร่ ร่วมกับป่าชุมชน 127 แห่ง มียอดเงินในกองทุนกว่า 66,400,107 บาท “เรากำลังต้องการหาพันธมิตรในธุรกิจต่างชาติด้วย เชื่อว่าธุรกิจนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้ชุมชน ได้ดูแลสิ่งแวดล้อม และนี่คือเป้าหมายการสร้างธุรกิจใหม่ ด้วยฐานความรู้และข้อมูล” อาจกล่าวได้ว่า มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เป็นเจ้าตลาดคาร์บอนเครดิต ที่ยังไม่มีคู่แข่งมากนัก และในอนาคตยังมีดีมานด์อีกมาก “พื้นที่ดอยตุง กำลังพัฒนาคู่ขนานระหว่างการเป็นฐานคาร์บอนเครดิต เรากำลังต่อยอดเรื่อง Biodiversity Credit-ความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญของความสมบูรณ์พื้นที่ป่า เราเตรียมทำข้อข้อมูลพืช สัตว์ทั้งหมด เพื่อเตรียมขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการหลายชนิด” ม.ล.ดิสปนัดดา พาทีมนักข่าว ขึ้นไปบนดอยช้างมูบ เพื่อพบกับ มาติน แวนดีบุลต์ นักพฤกษศาสตร์และนิเวศวิทยา และนายทักษ์ดนัย เผ่าต๊ะใจ เจ้าหน้าที่โครงการ ในนามของ “ทีมปรับป่า” ได้ร่วมกันอธิบายเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพผืนป่าดอยตุง
เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ร่วมกันอธิบายตัวชี้วัดความหลากหลายทางชีวภาพ ที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ทำข้อมูลไว้ อาทิ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 40 ชนิด ในแหล่งน้ำมีปลา 31 ชนิด รวมทั้งสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ 4 ชนิด คือ เลียงผา ลิ่น แมวดาว บินตุรง/หมีขอ และหมูหริ่ง และมีปลาชนิดใหม่ของโลก ที่อยู่ระหว่างการจัดทำชื่อ นอกจากนี้ยังมีพืชหายาก อีก 17 ชนิด พันธุ์ไม้ทั้งหมด 1,379 ชนิด และเป็นพืชชนิดใหม่ของโลก จำนวน 9 ชนิด และเป็นพืชชนิดใหม่ของโลกที่รอการรับรอง 2 ชนิด ซีอีโอมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ บอกถึงความตั้งใจในการปรับตัวขององค์กร เพื่อเปลี่ยนผ่านด้วยความคล่องตัว ว่าเขาจะทบทวนความคิดตลอดในการทำงานว่า อะไร-กิจการแบบไหน ที่พ่อ (ม.ร.ว.ดิศนัดดา) จะไม่ทำอย่างเด็ดขาด และเมื่อเจอปัญหาถ้าเป็นพ่อ เขาจะทำแบบไหน และแก้ปัญหาอย่างไร “ผมโชคดีที่มีคนที่เป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ เป็นคนใกล้ตัว อะไรที่จะทำให้พ่อเสียชื่อ ผมไม่ทำเด็ดขาด” |